วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

น้ำพริกไข่ปู



รสไม่จัด นุ่มนวลดี แต่ก็ทำให้ทานผักได้เยอะ ต้องมีทั้งเนื้อปูและไข่ปูนะ ถึงจะอร่อยครบรส ( เป็นน้ำพริกหรูหราหน่อยนะถ้วยนี้ )

วันนี้เป็นไข่ปูม้า(ในรูปนี้ปูม้านะคะ ตะกี้พิมพ์เป็นปูทะเลซะนี่ )
ขั้นแรกเอาปูมาต้มก่อน แกะไข่กับเนื้อแยกกันไว้






นี่ดูกันชัดๆไข่ปูสีเหลืองๆ อย่าลืมกันไว้โรยหน้านิดนึงนะ ตอนเสร็จน่ะ

ส่วนประกอบของน้ำพริกถ้วยนี้ก็คือ

พริกขี้หนู(ไว้ตกแต่งเฉยๆไม่ได้ใส่ลงไปหรอก )
มะนาวเปลือกบาง 2ลูก
กะปิดี 1ชช.(หรือมากกว่าถ้าชอบข้นๆ )
กระเทียมเจียว2ชต.
หอมเจียว2ชต.
พริกขี้หนูแห้งคั่วพอหอม 15-20เม็ด
เกลือเล็กน้อย
น้ำตาลปึก หรือน้ำตาลปี๊ป1ชต.+-ตามชอบ

ขอบคุณสำหรับกะปิจากระยอง...อนุเคราะห์โดยพี่จิ๋วนะคะและน้ำตาลปึกหวานหอมจากราชบุรีโดยพี่ลักค่ะ
5555...มีคนเอาวัตถุดิบมาฝากเรื่อยค่ะ



วิธีการทำ
- เอาหอมเจียว กระเทียมเจียวและพริกแห้งคั่ว ตำให้พอแหลก ใส่กะปิค่ะ

- ตำให้เข้ากันดี เติมเกลือ น้ำปลา ( ค่อยๆเติมนะ เดี๋ยวเค็มแล้วจะแก้ยาก )
น้ำมะนาวคั้นประมาณ2ลูก น้ำตาลปี๊ปหรือน้ำตาลปึกก็ได้

- ค่อยเคล้าเนื้อปูกับไข่ปูลงไปค่ะ ชิมดู แล้วเพิ่มรสให้เปรี้ยวเค็มหวาน






ทานกับผักแกล้มจานใหญ่ ผักสดอะไรได้ทั้งนั้นหรือชะอมชุบไข่ทอดก็เข้ากันมากๆค่ะ
แครอทกับข้าวโพดอ่อนต้ม...ก็เหมาะ....สำหรับคนชอบทานผักต้ม
ถั่วฝักยาว
ขมิ้นขาว
แตงกวา
มะเขือ

ทานคลุกข้าวอร่อย เป็นเมนูที่ที่บ้านชอบกัน

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Moo Sarong Starter/Crispy Snack













พอดีได้เส้นหมี่ซั่วมา 1 กล่อง กล่องสวยดีนะ ดูคลาสสิคดี เอามาห่อ หมูกับไข่เค็ม แปลงกายเป็นหมูโสร่งจิ้มน้ำจิ้ม เป็นของว่างสำหรับวันหยุด.....ที่ไม่ได้ไปไหน หลายคนคงเคยทานมาแต่เด็กแต่เล็ก

ต้องมี
1.เส้นหมี่ซั่วขนาดเล็ก เอาไปต้มและผ่านน้ำเย็นให้นิ่มก่อนนะ
2.หมูสับ
3.ไข่เค็มดิบ
4.น้ำมันสำหรับทอด
5.น้ำจิ้มที่ชอบ อาจจะเป็นซอสพริก บ๊วยเจี่ย พลัมซอส
6.กระเทียม พริกไทย
7.น้ำมันหอย

หมายเหตุ ปริมาณกะเอาทั้งสิ้นนะคะ แล้วแต่ทานกันกี่คนกี่มากน้อย ตามสะดวก

ขั้นตอนการทำ




1.เอาหมูคลุกน้ำปลา กระเทียมพริกไทยไว้ก่อน เหยาะน้ำมันหอยหน่อยได้ถ้าชอบ

2.ปั้นเป็นก้อนหุ้มไข่แดงให้มิด ( ไข่แดงเค็มผ่า4นะคะ ลูกจะได้ไม่ใหญ่ )

3.เอาเส้นหมี่สะเด็ดน้ำและนุ่มแล้ว มาพัน ( พยายาม )ให้สวยงาม



4.ลงทอดในน้ำมัน เร่งไฟแรงก่อน ตอนทอดลดไฟอ่อนลงครึ่งนึง พอเหลืองสุกทั่วกันก็ยกลงมา จิ้มน้ำจิ้มทานได้ค่ะ




ยากตอนพันนิดเดียว อย่าลืมเก็บชาย อย่าให้รุ่งริ่งน๊า....เดี๋ยวจะโป๊






ปล.พบว่าทานกับไวน์หวานที่เป็นSparkling อร่อยดียิ่งนัก55555

Red Banana in Syrup





ภาพ2นี้ทำครั้งแรกนะคะ ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (แค่พอใช้ได้)

เห็นอย่างงี้ไม่ง่ายนะ....ที่จะทำให้ออกมาสวยแดงพอดี เนื้อแข็งหนุบหนับ
อย่างที่บอก.....เหวลึกอย่านึกว่าเหวตื้น....อะไรที่เราดูว่าโอ๊ยง๊ายยยย...พอทำเข้าจริงมันก็มีเทคกะนิค.....ฝรั่งว่า do not underestimate....

กล้วยแบบนี้ทำมาจากกล้วยน้ำว้านะ ไม่ใช่สีเหลืองแบบกล้วยไข่ ดี เชื่อมเก็บไว้ทานได้นานๆ ไว้แจกจ่ายเพื่อนฝูงไว้ไปทานที่ทำงาน เพื่อนๆชอบกัน

วิธีทำและเคล็ดลับ

กล้วยที่ใช้ ถ้าค่อนข้างดิบ ไม่ต้องแช่น้ำปูนใส ถ้าแช่ผลที่ได้ออกมาจะแข็ง
ถ้าสุกไป ต้องแช่น้ำปูนใสซัก10นาที ไม่งั้นจะเละ
เพราะฉะนั้น ต้องเลือกดีๆ พอเหมาะ เหลืองๆเขียวๆ เรียกว่าสีกระดังงา

ปอกกล้วย ผ่า4 แช่น้ำและน้ำปูนใส ไว้ก่อน สูตรนี้ประมาณ15ลูกนะ
เอาน้ำตั้งไฟ1ลิตร รอน้ำเดือดค่อยใส่น้ำตาลทราย500กรัม
ตั้งให้เดือดอีกครั้ง ก่อนเอากล้วยใส่ลงไป ( สงให้สะเด็ดน้ำก่อนนะ )



ตั้งไฟกลางไปเรื่อยๆเลย ....นานค่ะ เป็นเวลาประมาณ1ชมเศษๆ






พอสีเริ่มเหลืองด้านใน ด้านนอกออกสีน้ำตาลอ่อน( ประมาณในรูป ) ตักน้ำตาลปี๊ปใส่2ช้อนโต๊ะพูนๆ บีบมะนาวลงไปด้วยซัก1/2ซีก จะทำให้สีสวยเป็นเงาค่ะ และเกลือเล็กน้อย ประมาณ1/2ชช.


ตั้งต่อไปอย่างใจเย็น....ซื้อเค๊า20บาทก็อร่อยแล้ว แต่ที่อยากทำ เพราะอยากทำเป็น แล้วก็อร่อยดีสมใจ





สามารถเติมน้ำได้เรื่อยๆทีละน้อย ถ้าเริ่มงวดค่ะเวลาทานตักเอาน้ำเชื่อมมาราดด้วย จะได้น่าทานยิ่งขึ้น