วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Popang go Japan ตอนที่4 มุ่งหน้าฟูจิ



บ้านชานเมืองที่เราผ่านไปในชนบทนะคะ ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ บ้านเขาก็ไม่ได้ว่าใหม่ใหญ่โตหรือหรูหราอะไรมากแต่สะอาดสอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มักปลูกต้นไม้กระจุ๊กระจิ๊กตกแต่งไว้เสมอ ซึ่งเป็นนิสัยประจำชาติของเขา กลับบ้านไปงวดนี้ต้องเก็บบ้านขนานใหญ่จะได้ดูสะอาดเรียบร้อยขึ้น ภาพนี้ถ่ายจากในรถ

แพ้ทางกับอากาศหนาว.....ทรมานกระดูกค่ะ แค่เห็นหิมะก็หนาวปวดตับแล้ว.....มองเห็นฟูจิแต่ไกล.....ต้องหนาวแน่ๆเลย..อ๊ากส์!!!( หลังจากกลับมาได้2-3วัน พี่ไกด์ก็เมลล์มาเล่าว่าหิมะตกหนักที่ฟูจิในรอบ30ปีเลยล่ะค่ะ......ใครชอบหนาว ไปก็คงจะชอบใจ!



ด้านบนมีศาลเจ้าและร้านขายของที่ระลึก...คงพอหลบหนาวได้บ้างแหล่ะ...เค๊ามีฮีทเตอร์เป็นหม้อๆไว้นัยว่าเรียกดัมโบละมั้ง....คงพอไหว...คิดแล้วก็งัดเอาเสื้อหนาวเท่าที่มีออกมาห่อตัว.....จนแน่น..............ดูไปดูมาเหมือนแยมโรล...55555









ศาลเจ้ามีประตูสีส้ม เรียกว่าโทเรอิ...แต่ไม่มีพื้นที่ให้หลบหนาวได้เลย อยู่บนพื้นราบก็จะแย่แล้ว นี่ขึ้นมาบนภูเขา2500กว่าเมตร ต้องเข้าไปในร้านขายของ มีโปสการ์ดขายจะส่งโปสการ์ดถึงตัวเองก็ไม่รู้จะส่งทำไม.....เอิ๊กๆแล่วนี่ก็เย็นแล้วด้วย แดดก็เริ่มหมดลง...คุณน้าสุดที่รักเรียกให้ออกมาดูหิมะ....โอแม่เจ้า..ไม่นะ...ให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย...หนาวอ่ะ













รีบไหว้พระแล้วจรลีดีกว่าค่ะ ลงไปด้านล่างเชิงเขา มีหมู่บ้านที่น้ำใสเย็นไหลลงมาจากภูเขาฟูจิ ดูบ้านแบบญี่ปุ่นในชนบท ซื้อแอ๊ปเปิ้ลหวานนั่งแทะในรถ ( แอบหิว )2ลูก...เป็นแอปเปิ้ลที่ราคานักท่องเที่ยวจริงๆ ลูกละ300เยน ซื้อในซุปเปอร์ธรรมดา150เยนเอ๊ง.....




ก่อนจะเข้าพักแบบนอนเสื่อตาตามิและอาบน้ำออนเซ็นดั้งเดิมขนาดแท้....อุอุ...หมายถึงอาบน้ำอย่างแนบชิดธรรมชาติที่สุดหรือ.........โป๊หมดหัวจรดเท้านั่นเองนะคะ




ภาพนี้คือหมู่บ้านที่ว่า (จำชื่อไม่ได้ขออภัย )...ต้นไม้เหมือนกับเอารากขึ้นมาแทนยังไงชอบกลนะ.....





นี่คือวิวจากห้องพักของโรงแรม โปแป้งชอบโรงแรมนี้มากๆ คืนนั้นก็นอนดูทีวีรายการนำเที่ยวกินไกด์สบายใจเชิบ.เชิบ....รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง


โรงแรมอยู่บนหน้าผา มองลงมาจากระเบียงห้องจะเห็นทะเลสาบชื่อ.คาวาคุจิ...1ใน5ทะเลสาบใหญ่ที่น้ำจากฟูจิไหลลงมารวมกัน.....ได้บรรยากาศสุดๆ อ้อ...ตอนนุ่งยูกะตะ ขออนุญาตข้ามไปเลยนะคะ เพราะถ่ายรูปออกมาดูไม่จืด ยังกะแหนมมัด



ห้องนอนแบบดั้งเดิม มีชุดชงชาไว้บริการพร้อมชาเขียว4ห่อกับกระติกน้ำร้อน



อาหารเย็นวันนั้นก็ต้มๆอีกตามเคย วัฒนธรรมการรับประทานเนื้อของญี่ปุ่นนี่เป็นแบบ on on off offนะ เพราะช่วงไหนเปิดประเทศก็ทานเนื้อ แต่ช่วงเอโดะนั้นเป็นข้อห้ามทางศาสนาที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ นอกจากปลากับผัก ก็เลยทำให้คนญี่ปุ่นทานเนื้อและไม่ทานเนื้อเป็นช่วงๆค่ะ....มาอย่างงี้นึกถึงอาหารจากทะเลและอาหารภูเขาของคุณครูโคบายาชิในเรื่องโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง.......

อาหารญี่ปุ่นนั้นปรุงไม่วุ่นวายมากนักหรอกค่ะ มักจะทานรสธรรมชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบนั้นๆ คนญี่ปุ่นทานผักกับปลามากเพราะสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวย ก็เลยหน้าตาอ่อนเยาว์ ผิวพรรณดีและอายุค่อนข้างจะยืน...วิธีการปรุงอาหารที่ดั้งเดิมที่สุดเท่าที่ค้นพบในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นคือการกินของย่างค่ะ เริ่มต้นจากการที่ภูเขาไฟระเบิด มีสัตว์ถูกย่างด้วยเถ้าลาวามาก คนในสมัยดึกดำบรรพ์ เริ่มเรียนรู้การกินของย่างจากจุดนั้น
















ผักดองนั้นมีทุกมื้อเป็นเครื่องเคียงที่ทานแล้วให้สมดุลย์ทางรสชาติที่ดีเพราะมีรสเปรี้ยวตัดกับอาหารรสออกไปทานหวานนะคะ.....




บอกลาทะเลสาบที่สงบ สวยงาม เข้าสู่โตเกียว ในโหมดช๊อปกระจายที่ชินจูกุและฮาราจูกุค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น